ซึ่งผลลัพธ์ของการมีต้นไม้เยอะก็ค่อนข้างเด่นชัด เงาไม้ทำให้อากาศในเมืองเย็นลงแม้มีแดดจ้า ชาวจีนที่ขับรถยนต์จึงไม่นิยมเปิดเครื่องปรับอากาศ แต่เลือกลดกระจกรับลมแทน

สิ่งที่ผู้เขียนสังเกตเห็นระหว่างทางจากท่าอากาศยานหนานหนิงอู๋ซูไปโรงแรมหนานหนิงหรงหรง คือความนิยมใช้ยานพาหนะไฟฟ้าของคนท้องถิ่น ซึ่งแยกได้ผ่านสีของป้ายทะเบียนรถที่แตกต่างกัน โดย ‘สีฟ้า’ หมายถึง ยานพาหนะยังคงใช้น้ำมัน ส่วน ‘สีเขียว’ หมายถึง ยานพาหนะที่ใช้พลังงานใหม่ หรือเรียกง่ายๆ ว่ารถไฟฟ้า ซึ่งโดยทั่วไปรถไฟฟ้ามักได้รับสิทธิประโยชน์ที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นภาษี ราคาที่เข้าถึงได้ รวมไปถึงข้อกำหนดของบางเมืองที่พยายามจำกัดการใช้งานรถสันดาป ส่งผลให้ชาวเมืองหันมานิยมรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับนักเดินทางที่ยังคงมีพลังงานเหลือจากการเก็บสัมภาระเข้าโรงแรม ผู้เขียนแนะนำให้ท่องเมืองหนานหนิงในช่วงเย็น เหตุผลก็เพราะชีวิตของเมืองแห่งนี้นั้นคึกคักอย่างมากหลังพระอาทิตย์ตก และจะคึกคักเป็นพิเศษตามตรอกซอยที่มีตลาดนัด
เอาที่ผู้เขียนได้…
ซึ่งผลลัพธ์ของการมีต้นไม้เยอะก็ค่อนข้างเด่นชัด เงาไม้ทำให้อากาศในเมืองเย็นลงแม้มีแดดจ้า ชาวจีนที่ขับรถยนต์จึงไม่นิยมเปิดเครื่องปรับอากาศ แต่เลือกลดกระจกรับลมแทน

สิ่งที่ผู้เขียนสังเกตเห็นระหว่างทางจากท่าอากาศยานหนานหนิงอู๋ซูไปโรงแรมหนานหนิงหรงหรง คือความนิยมใช้ยานพาหนะไฟฟ้าของคนท้องถิ่น ซึ่งแยกได้ผ่านสีของป้ายทะเบียนรถที่แตกต่างกัน โดย ‘สีฟ้า’ หมายถึง ยานพาหนะยังคงใช้น้ำมัน ส่วน ‘สีเขียว’ หมายถึง ยานพาหนะที่ใช้พลังงานใหม่ หรือเรียกง่ายๆ ว่ารถไฟฟ้า ซึ่งโดยทั่วไปรถไฟฟ้ามักได้รับสิทธิประโยชน์ที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นภาษี ราคาที่เข้าถึงได้ รวมไปถึงข้อกำหนดของบางเมืองที่พยายามจำกัดการใช้งานรถสันดาป ส่งผลให้ชาวเมืองหันมานิยมรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับนักเดินทางที่ยังคงมีพลังงานเหลือจากการเก็บสัมภาระเข้าโรงแรม ผู้เขียนแนะนำให้ท่องเมืองหนานหนิงในช่วงเย็น เหตุผลก็เพราะชีวิตของเมืองแห่งนี้นั้นคึกคักอย่างมากหลังพระอาทิตย์ตก และจะคึกคักเป็นพิเศษตามตรอกซอยที่มีตลาดนัด
เอาที่ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปคือ ‘สามถนนสองซอย’ (三街两巷) ชื่อตั้งตามผังของย่านที่มีถนนสายหลัก 3 สายกับอีก 2 ซอย จุดนี้เป็นแหล่งรวมอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ปลายราชวงศ์ชิงจนถึงยุคสาธารณรัฐ ที่มีโครงสร้างหลักเป็นอิฐและไม้ และมีหลังคาแบบโบราณ โดยรัฐบาลหนานหนิงปรับปรุงให้กลายเป็นย่านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เปิดพื้นที่ให้กับร้านอาหารพื้นเมืองและอาหารสมัยใหม่เข้าไปทำในพื้นที่ ควบคู่ไปกับการเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของเมือง
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องความเก่าแก่ แต่ประชาชนชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กรุ่นใหม่วัยนักเรียน-นักศึกษา ย่านนี้จึงถือเป็นการบรรจบกันระหว่างอดีตกับปัจจุบันของหนานหนิงไปกลายๆ
ที่สำคัญ ใครที่เดินทางมาย่านเมืองเก่าในหนานหนิง อย่าลืมเก็บภาพการแสดงแสงไฟของเหล่าอาคารสูงที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ช่วงกลางคืน เป็นภาพบรรยากาศที่ไม่ควรพลาดจะบันทึกเอาไว้จริงๆ

**เมือง AI **
เป็นที่ทราบกันดีว่า หนึ่งในการแข่งขันระ

นอกจากท่าเรือแห่งนี้ เรายังได้มีโอกาสพิเศษสุดๆ ในการเข้าไปชมอภิมหาโปรเจกต์ของจีนได้แก่ ‘คลองผิงลู่ ’ (Pinglu Canal, 平陆运河) โครงการขุดคลองขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันมีความคืบหน้าแล้วกว่า 80% ในระยะเวลาการก่อสร้างตั้งแต่เริ่มเมื่อปี 2022 โดยใช้งบลงทุนไปราว 6.17 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 2.8 แสนล้านบาท) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการคมนาคมขนส่งและการค้าระหว่างจีนกับภูมิภาคอาเซียน

คลองผิงลู่อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14 และแผนแม่บทระเบียงการค้าเชื่อมทางบกกับทางทะเลแห่งภาคตะวันตก (New Western Land-Sea Corridor) นับเป็นการขุดคลองครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีนยุคใหม่ ด้วยความยาวกว่า 134.2 กิโลเมตร ตั้งแต่ปากน้ำผิงถัง เมืองเหิงโจว สิ้นสุดที่อ่าวเป่ยปู้ เปิดเป็นเส้นทางเดินจากพื้นที่ตอนในกว่างซีออกสู่ทะเลจีนใต้
หากใครนึกภาพไม่ออกว่า หน้าตาของโครงการนี้จะเป็นอย่างไร ให้นึกถึง ‘คลองสุเอซ’ ซึ่งเป็นคลองที่มนุษย์ขุดขึ้นในประเทศอียิปต์ และจีนกำลังจะทำสิ่งนี้เพื่อเปิดเส้นทางการเดินเรือใหม่ที่เร็ว ง่าย และประหยัดที่สุด คาดว่าอาจประหยัดได้ถึง 5,200 ล้านหยวน (ประมาณ 2.36 หมื่นล้านบาท) เลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี การเดินทางมาจีนในครั้งนี้ แม้จะไม่ได้ไปเยือนเมืองชื่อดัง แต่การพัฒนาอย่างรวดเร็วในเมืองที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในหมู่ชาวต่างชาติ ยิ่งทำให้เห็นว่า จีนไม่ได้ละทิ้งการพัฒนาเมืองอื่นๆ นอกเหนือจากเมืองท่องเที่ยว และยังคงวางบทบาทใหม่ๆ ที่ไม่ใช่เฉพาะการเป็นเมืองท่องเที่ยวให้กับหลายเมืองในมณฑลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
และการพัฒนาดังกล่าวก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการที่ประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะไทยจะต้องนำมาถอดบทเรียน พัฒนา หรือแม้กระทั่งเตรียมที่จะรับมือกับความก้าวหน้าที่ก้าวกระโดดของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะจีนด้วย
เพราะหากเราช้า เราก็จะล้าหลัง แต่หากเราตามทัน ไม่แน่ว่าวันหนึ่งประเทศไทยก็อาจจะก้าวหน้าได้แบบที่จีนทำ หรืออาจจะแซงหน้าหลายๆ ประเทศที่เรายังตามเขาอยู่ก็เป็นได้

Tags: