✒️ บันทึกภารกิจ: การเซ็นรับรองคำให้การในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญด้านนิติภาษาศาสตร์ ✒️ สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี — วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ✒️
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่สะท้อนบทบาทของ “นักนิติภาษาศาสตร์” ในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างชัดเจน เมื่อข้าพเจ้าได้รับหมายเชิญให้เดินทางไปยังสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี เพื่อ ลงลายมือชื่อรับรองคำให้การในฐานะ พยานผู้เชี่ยวชาญด้านนิติภาษาศาสตร์ ในสำนวนคดีหมิ่นประมาทที่มีมูลค่าความเสียหายสูง และเกี่ยวพันกับ ผู้บริหารรายหนึ่งของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (U.S. Securities Market)
แม้ผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหาจะมีบทบาทในระบบการเงินข้ามพรมแดน แต่การกระทำที่เป็นข้อหานั้น เกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทย จึงอยู่ในเขตอำนาจของพนักงานสอบสวนไทย และจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษากฎหมายและภาษาพิสูจน์เพื่อวิเคราะห์ข้อความที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น “หมิ่นประมาท”
🔍 บทบาทของ “พยานผู้เชี่ยวชาญด้านนิติภาษาศาสตร์” ในคดีนี้
ในคดีหมิ่นประมาท โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร การสื่อสารออนไลน์ หรือข้อความที่ต้องตีความตามเจตนาและบริบท ก…
✒️ บันทึกภารกิจ: การเซ็นรับรองคำให้การในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญด้านนิติภาษาศาสตร์ ✒️ สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี — วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ✒️
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่สะท้อนบทบาทของ “นักนิติภาษาศาสตร์” ในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างชัดเจน เมื่อข้าพเจ้าได้รับหมายเชิญให้เดินทางไปยังสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี เพื่อ ลงลายมือชื่อรับรองคำให้การในฐานะ พยานผู้เชี่ยวชาญด้านนิติภาษาศาสตร์ ในสำนวนคดีหมิ่นประมาทที่มีมูลค่าความเสียหายสูง และเกี่ยวพันกับ ผู้บริหารรายหนึ่งของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (U.S. Securities Market)
แม้ผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหาจะมีบทบาทในระบบการเงินข้ามพรมแดน แต่การกระทำที่เป็นข้อหานั้น เกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทย จึงอยู่ในเขตอำนาจของพนักงานสอบสวนไทย และจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษากฎหมายและภาษาพิสูจน์เพื่อวิเคราะห์ข้อความที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น “หมิ่นประมาท”
🔍 บทบาทของ “พยานผู้เชี่ยวชาญด้านนิติภาษาศาสตร์” ในคดีนี้
ในคดีหมิ่นประมาท โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร การสื่อสารออนไลน์ หรือข้อความที่ต้องตีความตามเจตนาและบริบท การใช้ ความเห็นเชิงผู้เชี่ยวชาญ (Expert Opinion) เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะข้อหานี้ยึด “ความหมายของข้อความ” เป็นสาระสำคัญของสำนวนคดี
หน้าที่หลักที่ได้ปฏิบัติในวันนี้ ได้แก่
- วิเคราะห์ถ้อยคำและบริบทของข้อความที่ถูกร้องเรียน
ตรวจสอบว่า
ข้อความมีลักษณะ “ใส่ความ” ตามองค์ประกอบของมาตรา 326–328 หรือไม่
การใช้ถ้อยคำมีความหมายตามภาษาพูด ปรากฏการณ์ทางสังคม หรือเป็นเทคนิควาทกรรมที่ทำให้บุคคลเสียชื่อเสียง
เจตนาทางภาษาและน้ำเสียงสื่อไปในเชิงประจาน ทำให้เกลียดชัง หรือเป็นเพียงการวิพากษ์โดยสุจริต
- ตรวจสอบร่องรอยทางภาษา (linguistic features)
เช่น
การเลือกคำ
ระดับภาษา
ความกำกวมทางความหมาย
การใช้โครงสร้างประโยคที่สื่อให้เกิดการเชื่อมโยงหรือกล่าวหาโดยนัย
ซึ่งทั้งหมดเป็นหลักฐานทาง “ภาษาศาสตร์นิติวิทยา” (Forensic Linguistics)
- ประเมินความเป็นไปได้ของการทำให้เสียชื่อเสียงในเชิงสังคมและเชิงธุรกิจ
ในคดีที่เกี่ยวกับบุคคลซึ่งมีสถานะเป็นผู้บริหารในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ความเสียหายอาจไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ส่วนบุคคล แต่รวมถึง ความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ การลงทุน และผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นตามหลักการ reputation risk analysis
- จัดทำความเห็นทางวิชาการ (Expert Opinion Statement)
เพื่อนำเสนอให้พนักงานสอบสวนประกอบสำนวนว่า
ถ้อยคำดังกล่าวสื่อความหมายเช่นใด
ภายใต้หลักวิชาการด้านภาษา ความหมายดังกล่าวเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือไม่
มีลักษณะ “กล่าวความเท็จ” หรือ “แสดงข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จ” หรือไม่
มีองค์ประกอบของการทำให้บุคคลอื่นดูหมิ่นหรือเกลียดชังเพียงใด
- เซ็นรับรองคำให้การในฐานะผู้เชี่ยวชาญ
ในชั้นสอบสวน พยานผู้เชี่ยวชาญต้องลงลายมือชื่อรับรองคำให้การซึ่งระบุว่า
ได้ให้ความเห็นด้วยความเป็นกลาง
ไม่อยู่ในความสัมพันธ์ที่อาจเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน
ใช้หลักวิชาการและหลักการทางภาษาเป็นฐานในการให้ความเห็น
เอกสารดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของ “พยานหลักฐานทางนิติภาษาศาสตร์” ที่ศาลสามารถพิจารณาต่อไปได้
🏛️ ความสำคัญของบทบาทผู้เชี่ยวชาญด้านนิติภาษาศาสตร์
บทบาทนี้เป็น “สะพานเชื่อม” ระหว่าง
ความจริงทางภาษา
ข้อกฎหมาย
ข้อเท็จจริงในสังคม
โดยเฉพาะคดีหมิ่นประมาทซึ่งใช้ถ้อยคำเป็นหลักฐานโดยตรง ความแม่นยำของการตีความมีผลต่อความยุติธรรมอย่างสำคัญ เพราะคำเพียงคำเดียวอาจเปลี่ยนความหมายของทั้งสำนวนคดีได้
การทำงานในวันนี้จึงไม่ใช่เพียงการเซ็นเอกสาร แต่เป็นการนำองค์ความรู้ด้านภาษาศาสตร์และกฎหมายมาประกอบเพื่อช่วยให้ข้อเท็จจริงปรากฏอย่างถูกต้องที่สุด
