กรมศุลฯ ผนึก 5 อีคอมเมิร์ซ คุมเข้มสินค้านำเข้าออนไลน์ เก็บภาษีตั้งแต่ 1 บาทแรก สูงสุด 30% เริ่ม 1 ม.ค.69
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม นายพันธุ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือกับ 5 แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ได้แก่ บริษัท ลาซาด้า จำกัด, บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย), SHEIN, บริษัท ติ๊กต๊อก ช็อป (ประเทศไทย) และ TEMU ว่า กรมศุลกากรจะเริ่มจัดเก็บอากรสำหรับสินค้านำเข้าจากแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป แทนการยกเว้นอากรสำหรับของนำเข้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ซึ่งที่ผ่านมาเป็นช่องว่างที่ทำให้สินค้าจากต่างประเทศมีต้นทุนต่ำกว่าสินค้าที่จำหน่ายโดยผู้ประกอบการไทย
โดยคาดว่า ปี 2569 จะมีการนำเข้าสินค้ามากถึง 250 ล้านกล่อง มูลค่ามากกว่า 4.5 หมื่นล้านบาทต่อปี ดังนั้น ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยยกระดับมาตรฐานการนำเข้าสินค้าออนไลน์ให้เป็นไปตามกฎหมาย คุ้มครองผู้บริโภค และสร้างความเป็นธรรมทางการค้า
“การจัดเก็บภาษีในครั้งนี้ครอบคลุมสินค้าเกือบทุกรายการที่เคยได้รับยกเว้น โดยจากข้…
กรมศุลฯ ผนึก 5 อีคอมเมิร์ซ คุมเข้มสินค้านำเข้าออนไลน์ เก็บภาษีตั้งแต่ 1 บาทแรก สูงสุด 30% เริ่ม 1 ม.ค.69
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม นายพันธุ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือกับ 5 แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ได้แก่ บริษัท ลาซาด้า จำกัด, บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย), SHEIN, บริษัท ติ๊กต๊อก ช็อป (ประเทศไทย) และ TEMU ว่า กรมศุลกากรจะเริ่มจัดเก็บอากรสำหรับสินค้านำเข้าจากแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป แทนการยกเว้นอากรสำหรับของนำเข้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ซึ่งที่ผ่านมาเป็นช่องว่างที่ทำให้สินค้าจากต่างประเทศมีต้นทุนต่ำกว่าสินค้าที่จำหน่ายโดยผู้ประกอบการไทย
โดยคาดว่า ปี 2569 จะมีการนำเข้าสินค้ามากถึง 250 ล้านกล่อง มูลค่ามากกว่า 4.5 หมื่นล้านบาทต่อปี ดังนั้น ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยยกระดับมาตรฐานการนำเข้าสินค้าออนไลน์ให้เป็นไปตามกฎหมาย คุ้มครองผู้บริโภค และสร้างความเป็นธรรมทางการค้า
“การจัดเก็บภาษีในครั้งนี้ครอบคลุมสินค้าเกือบทุกรายการที่เคยได้รับยกเว้น โดยจากข้อมูลในปีที่ผ่านมา พบว่ามีการนำเข้าสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท สูงถึงประมาณ 30,000 ล้านบาท หรือราว 150 -160 ล้านชิ้น ซึ่งการจัดเก็บภาษีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างรายได้เข้ารัฐเพิ่มขึ้น ราว 3,000 ล้านบาท แต่หัวใจสำคัญคือการปกป้องผู้ประกอบการในประเทศไม่ให้เสียเปรียบด้านราคากับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่เดิมไม่ต้องเสียภาษีอากร” นายพันธ์ ทองกล่าว
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า การดำเนินการครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความเป็นธรรมระหว่างผู้ค้าในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงช่วยปกป้องผู้บริโภคจากสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยกรมศุลกากรจะส่งข้อมูลรายการสินค้าควบคุมให้แพลตฟอร์ม เพื่อคัดกรองสินค้าที่ต้องมีใบอนุญาต เช่น อย. หรือ มอก. หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดจะไม่สามารถจำหน่ายในประเทศไทยได้
ขณะที่การจัดเก็บภาษีตามอัตราพิกัดใหม่ สินค้าที่นำเข้าและมีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มสินค้าแฟชั่น โดยเสื้อผ้าและรองเท้าจะถูกจัดเก็บอากรขาเข้าในอัตราประมาณ 30% ขณะที่กระเป๋าจะเสียอากรในอัตรา 20% ส่วนสินค้าประเภทอื่น ๆ จะถูกจัดเก็บตามพิกัดอัตราศุลกากรของแต่ละสินค้า โดยพิจารณาจากชนิดและวัสดุของสินค้า ซึ่งมีอัตราอยู่ในช่วงประมาณ 10-20%
สำหรับการจัดเก็บอากร แพลตฟอร์มส่วนใหญ่จะรวมภาษีและอากรไว้ในราคาสินค้าบนหน้าเว็บไซต์แล้ว ผู้บริโภคสามารถชำระเงินครั้งเดียวก่อนรับสินค้า ยกเว้นกรณีจัดส่งผ่านไปรษณีย์ไทย ซึ่งอาจมีการเรียกเก็บอากร ณ ขั้นตอนการนำจ่าย
“ความร่วมมือกับแพลตฟอร์มจะช่วยให้การตรวจสอบทำได้ตั้งแต่ต้นทาง ลดภาระการตรวจสินค้า ณ ด่านศุลกากร และเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแล โดยยืนยันว่ามาตรการนี้ไม่ได้มุ่งเน้นรายได้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างระบบการค้าที่โปร่งใส เป็นธรรม และสอดคล้องกับกฎหมายในระยะยาว” นายพันธุ์ทอง กล่าว
ด้าน ดร.ธมกร ศุภธนรังสี รองประธานฝ่ายรัฐสัมพันธ์ บริษัท ลาซาด้า จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือภาครัฐ และเอกชน เป็นหัวใจสำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและกำหนดมาตรฐานร่วมกัน เพราะแพลตฟอร์มไม่ได้รู้ทุกเรื่อง จึงต้องอาศัยการทำงานร่วมกับรัฐ เพื่อให้เศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตอย่างถูกต้อง เป็นธรรม และคุ้มครองผู้บริโภค โดยยอมรับว่าช่วงเริ่มต้นอาจมีผลกระทบจากการปรับตัวของผู้ขาย แต่ระยะยาวจะเป็นผลบวก เพราะทุกฝ่ายอยู่บนมาตรฐานเดียวกัน สร้างระบบนิเวศที่ปลอดภัยและดึงผู้ใช้งานมากขึ้น ขณะที่การทำตลาดยังคงเดินหน้าเพื่อช่วยลดค่าครองชีพ และผู้ขายต่างประเทศต้องการเพียงความชัดเจนในการปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งลาซาด้าได้สื่อสารต่อเนื่องและเตรียมความพร้อมแล้วก่อนเริ่มบังคับใช้ 1 มกราคมนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
.