เลขาธิการ ก.ตร. ชี้แจงต่อ กมธ.มั่นคง ปมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจ ยืนยันเรื่องของการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ อยู่ในกระบวนการ
วันที่ 13 พ.ย. 68 พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังจากที่นายอัจฉริยะ ออกมาเปิดข้อมูลว่ามีตำรวจบางนายเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ โดยระบุว่า ตนกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” มีความสนิทกัน และทำงานมาด้วยกันตลอด ตนมาในฐานะของผู้แทนของนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอชี้แจงคณะกรรมาธิการ แต่ก่อนอื่นต้องบอกว่าที่ผ่านมาผมเป็นคนให้เกียรติคนมาตลอด อีกทั้งครอบครัวตนสอนมาตลอดว่า ให้กตัญญู รู้บุญคุณคน ไม่รังแกใคร น้ำแก้วเดียวก็ถือเป็นบุญคุณ ใครมีบุญคุณต้องตอบแทน แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องชอบธรรม
ทั้งนี้ พล.ต.อ.กรไชย ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมกรรมาธิการ ก็เพราะว่าติดภารกิจการประชุมอาเซียน วันที่ 1-7 พ.ย. ตนรับผิดชอบจึงมาไม่ได้ ตนเป็นประธาน ดังนั้นต้องร่วมในพิธีการ ส่วนเรื่องที่ถามว่าทำไมวันนี้ตัวเองต้องมา ก็เพราะว่าเป็นประธานสอบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงต้องมา คนอื่นมาตอบ ก็ไ…
เลขาธิการ ก.ตร. ชี้แจงต่อ กมธ.มั่นคง ปมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจ ยืนยันเรื่องของการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ อยู่ในกระบวนการ
วันที่ 13 พ.ย. 68 พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังจากที่นายอัจฉริยะ ออกมาเปิดข้อมูลว่ามีตำรวจบางนายเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ โดยระบุว่า ตนกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” มีความสนิทกัน และทำงานมาด้วยกันตลอด ตนมาในฐานะของผู้แทนของนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอชี้แจงคณะกรรมาธิการ แต่ก่อนอื่นต้องบอกว่าที่ผ่านมาผมเป็นคนให้เกียรติคนมาตลอด อีกทั้งครอบครัวตนสอนมาตลอดว่า ให้กตัญญู รู้บุญคุณคน ไม่รังแกใคร น้ำแก้วเดียวก็ถือเป็นบุญคุณ ใครมีบุญคุณต้องตอบแทน แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องชอบธรรม
ทั้งนี้ พล.ต.อ.กรไชย ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมกรรมาธิการ ก็เพราะว่าติดภารกิจการประชุมอาเซียน วันที่ 1-7 พ.ย. ตนรับผิดชอบจึงมาไม่ได้ ตนเป็นประธาน ดังนั้นต้องร่วมในพิธีการ ส่วนเรื่องที่ถามว่าทำไมวันนี้ตัวเองต้องมา ก็เพราะว่าเป็นประธานสอบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงต้องมา คนอื่นมาตอบ ก็ไม่เหมือนตนมา
...
พล.ต.อ.กรไชย เผยต่อว่า ผบ.ตร. มอบให้ตนมาชี้แจง โดยกำหนดนโยบายชัดเจนในการบริหารบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยึดหลักความสามารถ ความเสมอภาค เป็นธรรม โปร่งใส เรามีคณะกรรมาธิการตำรวจ กำหนด ดูแล มาตรฐานการบริหารงานของบุคคลของตำรวจให้เป็นไปตามระบบคุณธรรม ที่ผ่านมา สตช. ได้ดำเนินการอย่างจริงจังกับผู้ถูกร้องเรียน กระทำความผิดวินัยร้ายแรง เพื่อรักษาจริยธรรมขององค์กร ภายในกรอบของกฎหมาย
สำหรับนโยบายของนายกฯ ที่ถามมา ซึ่งกำกับดูแล สตช. และเป็นคณะกรรมการกำกับดูแลข้าราชการตำรวจ เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจ กรณีการดำเนินการทางวินัยของข้าราชการตำรวจที่ถูกร้องเรียนว่ามีการทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตนจะขอให้ทาง พล.ต.ท.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร ผบช.สง.ก.ตร ในฐานะเลขาธิการ ก.ตร. เป็นผู้ให้ข้อมูล
ในส่วนของข้อมูลการดำเนินการทางวินัย กรณีคณะกรรมการวินัยเรื่องร้องเรียน ก.ตร. มีมติชี้มูลข้อหาความผิดวินัยร้ายแรงต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่อีกกว่า 200 นาย ที่เป็นข่าวในกรณีรับขบวนการพนันออนไลน์ และขั้นตอนการดำเนินการทางวินัย ตลอดจนปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการทางวินัย ตนจะขอให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ให้ข้อมูลพร้อมด้วย พล.ต.ต.อภิสัณห์ หว้าจีน ผู้บังคับการกองวินัย เป็นผู้ให้ข้อมูล
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า องค์กรตำรวจ ต้องยืนอยู่บนความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชน ดังนั้นการบริหารงานบุคคลการดำเนินการทางวินัยจะต้องยึดหลักความยุติธรรม ความโปร่งใส และไม่ละเว้นผู้กระทำผิด ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน ตนยังยืนยันว่าพยานหลักฐาน ข้อมูล พยานวัตถุ ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด สตช.ยืนยันจะดำเนินการทุกเรื่องอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้ข้าราชการตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยเกียรติ ศักดิ์ศรี และความรับผิดชอบที่มีต่อประชาชน
ต่อมา พล.ต.ท.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร ผบช.สง.ก.ตร และเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ได้ชี้แจงว่า ตามที่หนังสือ กมธ. ได้สอบถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเรื่องแนวนโยบาย การบริหารงานบุคคล ขอชี้แจงตาม พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ในลักษณะที่ 2 และลักษณะที่ 4 ที่กำหนดใน นายกฯ เป็นประธาน กตช. และประธาน ก.ตร.
จากการดำเนินการทั้งหมด นายกฯ มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย และยุทธศาสตร์การบริหารงานข้าราชการตำรวจ และกำกับดูแลให้สำนักงานข้าราชการตำรวจปฏิบัติตามนโยบาย และปฏิบัติตามมติ ครม. และกฎหมาย และกำหนดมาตรฐานด้านการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจ รวมทั้งอัตรากำลัง บุคลากร การแต่งตั้งโยกย้ายให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.
ในส่วนที่ผู้ร้อง ได้กล่าวถึงท่านกรรมาธิการผู้ทรงคุณวุฒิ 1 ท่าน ที่อยู่ในห้องประชุม และมีการนำเสนอต่อ ก.ตร. โดยขณะนั้นมี นายกรัฐมนตรี คือ ท่านเศรษฐา ตนได้ตรวจสอบจากรายงานการประชุมที่ผ่านมาแล้ว เป็นการประชุมในครั้งวันที่ 20 มีนาคม 67 ซึ่งในครั้งนั้น เกิดก่อนที่ผู้ร้องได้ร้องกับท่าน ผบ.กิตติ์รัฐ เมื่อเดือนสิงหาคม แต่ครั้งนั้นมีการรายงานเข้ามาในที่ประชุมโดยที่ไม่ใช่เป็นท่าน พล.ต.อ.เอก แต่เป็น พล.ต.อ.วินัย ซึ่งได้มีการรายงานกับที่ประชุม ก.ตร. ว่า นายกฯ ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีของท่าน ผบ.ต่อศักดิ์ ซึ่งเมื่อได้มีการชี้แจงแล้ว ท่านก็ได้ออกจากที่ประชุมไป ซึ่งในกรณีนี้ ขออนุญาตให้บันทึกในที่ประชุม เพราะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพาดพิงคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อไว้เป็นหลักฐาน ในเรื่องของการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ เหล่านั้น ก็อยู่ในกระบวนการหนึ่ง ยังไม่มีการรายงานเข้า ก.ตร. ในภายหลัง