“...ทราบดีจากทางเพื่อนที่คุ้นเคยอยู่กับสหประชาชาติว่า ต่อไปโลกเราอาหารอาจจะขาดแคลนก็เป็นได้ เลยคิดว่าถ้าแต่ละประเทศสามารถจะผลิตอาหารมากขึ้น จะช่วยได้มากในอนาคต ที่จะไม่ให้เกิดมีความอดอยากเกิดขึ้น ข้าพเจ้าเลยมีโครงการฟาร์มตัวอย่าง แล้วอีกอย่างราษฎรที่มาหาแล้วพูดว่าไม่มีงานทำ เรียนจบก็ไม่มีงานจะทำ ได้มาอาศัยบรรจุเป็นคนงานของฟาร์มตัวอย่าง ในเวลาเดียวกันเขาได้ดูว่าการเลี้ยงสัตว์ต่างๆ วิธีไหนบ้าง การเลี้ยงสัตว์ที่ถูกต้อง แล้วเมื่อเขาออกไปแล้ว เขาสามารถที่จะเลี้ยงสัตว์ของเขาได้โดยถูกต้อง”...พระราชดำรัสดังกล่าวของ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ที่พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2545 สะท้อนได้ดีถึงพระวิสัยทัศน์อันยาวไกล
เมื่อครั้ง “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” เสด็จฯเยี่ยมราษฎรในภาคเหนือ ทรงพบเห็นปัญหาความยากลำบากของราษฎร ซึ่งขาดความรู้ในการประกอบอาชีพ และขาดแหล่งอาหารเพื่อการดำรงชีวิต มีพระราชประสงค์ช่วยราษฎรให้หลุดพ้นจากควา…
“...ทราบดีจากทางเพื่อนที่คุ้นเคยอยู่กับสหประชาชาติว่า ต่อไปโลกเราอาหารอาจจะขาดแคลนก็เป็นได้ เลยคิดว่าถ้าแต่ละประเทศสามารถจะผลิตอาหารมากขึ้น จะช่วยได้มากในอนาคต ที่จะไม่ให้เกิดมีความอดอยากเกิดขึ้น ข้าพเจ้าเลยมีโครงการฟาร์มตัวอย่าง แล้วอีกอย่างราษฎรที่มาหาแล้วพูดว่าไม่มีงานทำ เรียนจบก็ไม่มีงานจะทำ ได้มาอาศัยบรรจุเป็นคนงานของฟาร์มตัวอย่าง ในเวลาเดียวกันเขาได้ดูว่าการเลี้ยงสัตว์ต่างๆ วิธีไหนบ้าง การเลี้ยงสัตว์ที่ถูกต้อง แล้วเมื่อเขาออกไปแล้ว เขาสามารถที่จะเลี้ยงสัตว์ของเขาได้โดยถูกต้อง”...พระราชดำรัสดังกล่าวของ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ที่พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2545 สะท้อนได้ดีถึงพระวิสัยทัศน์อันยาวไกล
เมื่อครั้ง “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” เสด็จฯเยี่ยมราษฎรในภาคเหนือ ทรงพบเห็นปัญหาความยากลำบากของราษฎร ซึ่งขาดความรู้ในการประกอบอาชีพ และขาดแหล่งอาหารเพื่อการดำรงชีวิต มีพระราชประสงค์ช่วยราษฎรให้หลุดพ้นจากความลำบาก โดยเฉพาะชาวเขา จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง “ฟาร์มตัวอย่าง” สำหรับฝึกอาชีพทางด้านการเกษตร เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในการช่วยเหลือชาวเขาให้มีอาชีพ มีรายได้เพิ่มขึ้น และสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยจัดตั้งเป็นแห่งแรกที่บ้านขุนแตะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
“...ข้าพเจ้าพยายามหาซื้อที่ดินเป็นจำนวนมากเพื่อทำฟาร์มตัวอย่าง ที่บ้านขุนแตะ อำเภอจอมทอง เพราะว่าวันหนึ่งประชาชนชาวกะเหรี่ยงและชาวไทยได้มาหาข้าพเจ้า และบอกว่าเขาเองไม่ติดใจที่จะปลูกฝิ่น หรือว่าเสพฝิ่นอีกต่อไปแล้ว เขาเชื่อฟังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เขาบอกว่าขอให้แม่กับพ่อช่วยหางานให้เขาทำหน่อย เขาอยากมีงานทำจะได้เลี้ยงครอบครัวได้ ซึ่งข้าพเจ้าทราบดีว่าคนเหล่านี้ไม่ได้ต้องการเงินมากมายเลย ที่จะอยู่โดยมีความสุขสบาย เรียกว่าใช้เศรษฐกิจพอเพียงของเขา เขาอยู่ได้อย่างสบาย แม้จะมีงานทำสม่ำเสมอแต่เป็นงานที่เรียกว่ารายได้ไม่ต้องสูงมาก...สาเหตุที่ว่าเราทำฟาร์มใหญ่ เพราะคิดว่าอยากหางานทำให้กับพวกเขาชาวเขาเผ่าต่างๆที่ยากจนข้นแค้น ก็สมประสงค์ เขามาสมัครงาน มาทำงานในฟาร์มตัวอย่างนี้ ซึ่งได้รับความช่วยเหลืออย่างมากมายจากองค์การต่างๆของรัฐบาล...มาเทรนการเลี้ยงไก่บ้าน เลี้ยงแกะ เลี้ยงสารพัดอย่าง ทำให้เขามีงานทำ เขาบอกมีความสุขแล้วเดี๋ยวนี้” ...พระราช ดำรัสเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2543
“โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ” มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นแหล่งจ้างงานและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร ด้วยการส่งเสริมให้ราษฎรประกอบอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ที่แน่นอนในการเลี้ยงครอบครัว อีกทั้งส่งเสริมให้เลี้ยงสัตว์พื้นเมืองชนิดต่างๆ เพื่อเป็นแหล่งอาหาร ช่วยกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ สัตว์ป่า ต้นน้ำ ลำธาร และรักษาความอุดมสมบูรณ์ให้คงอยู่ เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไปในอนาคต ตลอดจนเป็นแหล่งศึกษาข้อมูล และถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเกษตรให้สามารถนำไปใช้ในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ ยังมีพระราชประสงค์ที่จะทรงช่วยเหลือประชาชนที่ตกงานจากเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ เมื่อปี 2540 จึงทรงให้ขยายผลโครงการไปในหลายจังหวัดของประเทศกว่า 56 แห่ง อาทิ บ้านแม่ตุงติง อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่, บ้านแม่ต๋ำ อำเภอเสริมงาม จังหวัดลำปาง, หนองหมากเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร, โคกปาฆาบือซา อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส และบ้านทุ่งคลองชีพ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง
“หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง” จัดสรรที่ทำกิน สร้างอาชีพให้ราษฎร เมื่อคราวเสด็จฯเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดสกลนคร ได้มีราษฎรขอพระราชทานความช่วยเหลือเรื่องการจัดที่ดินทำกิน และขอพระราชทานงานทำเป็นจำนวนมาก “สมเด็จพระบรม ราชชนนีพันปีหลวง” จึงทรงขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยวิธีพระราชทานความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมจาก “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ซึ่งพระองค์มีพระราชดำริว่า ควรสอนให้ประชาชนรู้จักการใช้ที่ดินที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีผลผลิตพอเลี้ยงครอบครัว โดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง
“สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” มีพระราชเสาวนีย์ขอใช้ที่ดินว่างเปล่าของกรมปศุสัตว์ จำนวน 92 ไร่ และให้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จัดทำ “โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริแห่งแรก” ณ บ้านดงยอ ตำบลพังขว้าง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยสร้างบ้านพักเกษตรกร 20 หลัง และจัดแบ่งที่ดินเพื่อทำการเกษตรครอบครัวละ 2 ไร่ รวมทั้งจัดสร้างระบบสาธารณูปโภคให้แก่ราษฎรในโครงการ โดยมีวัตถุประสงค์ใช้ที่ดินที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยเหลือราษฎรให้มีงานทำ พัฒนาเป็นหมู่บ้านตัวอย่างที่ทำการเกษตร โดยไม่ใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง และเป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดสารพิษ สำหรับเลี้ยงคนในหมู่บ้าน และเมื่อเหลือจากการบริโภคสามารถนำไปจำหน่ายเสริมสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง
ผลการดำเนินงานของโครงการดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวเกษตรกรเฉลี่ย 3,000-5,000 บาทต่อเดือน และมีอาหารที่ปลอดภัยสำหรับบริโภคทั้งหมู่บ้าน อีกทั้งยังช่วยให้ราษฎรรู้จักการปลูกป่าชุมชน ฟื้นฟูสภาพป่าให้มีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น มีป่าไม้สำหรับใช้สอยในการซ่อมแซมบ้าน โดยไม่ต้องทำลายป่าไม้ของชุมชน
ผลจากความสำเร็จอันเป็นที่ประจักษ์ชัด “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” มีพระราชดำริให้ขยายผลโครงการไปสู่ผู้ประสบภัยจากปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยทรงห่วงใยครอบครัวของเจ้าหน้าที่และประชาชนที่ต้องสูญเสียเสาหลักของครอบครัว จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง “โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ” ที่หมู่บ้านรอตันบาตู หมู่ที่ 7 ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ในพื้นที่ 632 ไร่ ดังพระราชดำรัสเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2548 ความตอนหนึ่งว่า
ด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่เปี่ยมด้วยพระมหากรุณาธิคุณของ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ทรงขยายผลโครงการดังกล่าวไปพื้นที่อื่นๆด้วย เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ที่เดือดร้อน และผู้ยากไร้ในชนบทห่างไกลและทุรกันดาร อาทิ บ้านจาเราะปูโงะ ตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และบ้านทางหลวง หมู่ 8 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม
“สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ทรงถือว่าทุกคนคือคนไทยและเป็นราษฎรของพระองค์ ไม่ทรงเลือกเชื้อชาติ ศาสนา นอกจากจะทรงช่วยให้ราษฎรทั่วทุกภูมิภาคมีความกินดีอยู่ดีแล้ว ยังช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้ประชาชน เกิดความมั่นคงด้านอาชีพ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สามารถยืนหยัดอยู่ได้ด้วยการพึ่งตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
“ขาดทุนของฉันคือกำไรของแผ่นดิน” พระราชดำรัสสุดอมตะยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของปวงชนชาวไทย เมื่อปี 2540 “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” เสด็จฯเยี่ยมราษฎรที่บ้านขุนแตะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ มีราษฎรชาวไทยภูเขาราว 200-300 คน มาเข้าเฝ้าฯ และขอพระราชทานความช่วยเหลือของานทำ ด้วยแต่ก่อนเคยติดยาเสพติด แต่ขณะนี้ได้รับการบำบัดหายแล้ว จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้คณะทำงานออกหาพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อจะทำ “ฟาร์มตัวอย่าง” และให้พวกเขาที่เลิกยาเสพติดมารับจ้างทำงาน เมื่อแรกดำเนินงานได้จ้างชาวเขาทำงานวันละ 40 คน เพื่อให้คุ้มกับผลประกอบการ กระนั้น เมื่อคณะผู้ทำงานได้เข้าเฝ้าฯกราบบังคมทูลถวายรายงานการดำเนินงาน จึงมีพระราชกระแสรับสั่งว่าไม่ถูกพระราชประสงค์ ด้วยมีชาวเขาจำนวนมากที่มาของานทำ แต่ฟาร์มตัวอย่างจ้างไว้แค่ 40 คน พระองค์รับสั่งประโยคอมตะ “อย่ามาพูดเรื่องกำไรขาดทุนกับฉันนะ ฉันต้องการให้คนจนมีงานทำมากๆ ขาดทุนของฉันคือกำไรของแผ่นดิน”.
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ